นายก

การเลือกตั้งท้องถิ่น

การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการที่รัฐบาลกระจายอำนาจให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการปกครองตนเองภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและสนองตอบต่อความต้องการของชุมชนได้สะดวก รวดเร็ว และตรงกับความประสงค์ของชุมชนนั้น โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกในการทำหน้าที่แทนรัฐบาล การใช้อำนาจดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์ รวมทั้งก่อให้เกิดผลในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและท้องถิ่น

ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ จะเป็นผู้กำหนดผู้แทนหรือตัวบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งผู้แทนจะต้องเป็นผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมัครรับเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนในท้องถิ่นนั้น

รูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น

การปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยมี 2 รูปแบบ แต่ละรูปแบบแยกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

รูปแบบทั่วไป : องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล

รูปแบบพิเศษ : กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ในการเลือกตั้งนายก อบจ. หรือ ส.อบจ. ประชาชนจะสามารถใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งได้ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

  1. มีสัญชาติไทย แต่ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
  2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันเลือกตั้ง
  3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง
  4. และ คุณสมบัติอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

หลักฐานที่ใช้แสดงตนในการลงคะแนนเลือกตั้ง

  1. บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
  2. บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้ที่มีรูปถ่ายและมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (Passport) ฯลฯ

บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

บุคคลลักษณะดังต่อไปนี้ ในวันเลือกตั้งเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

  1. เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช
  2. อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
  3. ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
  4. วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
  5. มีลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือ ภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง สามารถแจ้งด้วยตัวเองหรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

  1. มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
  2. เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
  3. เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
  4. เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
  5. มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
  6. ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
  7. มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต.กำหนด

**กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แจ้งเหตุไว้แล้ว หากในวันเลือกตั้งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งได้**

หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิ ดังนี้

  1. สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือ ส.ถ.หรือ ผ.ถ. หรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.
  2. สมัครรับเลือกเป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน
  3. เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอน ส.ถ. หรือ ผ.ถ.
  4. ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
  5. ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการ ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
  6. ดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธนานสภาท้องถิ่น และเลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่น

*** การถูกจำกัดสิทธิ กำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี ***

ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง

  1. ตรวจสอบรายชื่อ
  2. ยื่นหลักฐานแสดงตน
  3. รับบัตรเลือกตั้ง
  4. ทำเครื่องหมายกากบาท
  5. หย่อนบัตรเลือกตั้งด้วยตัวเอง

*** เวลาลงคะแนนเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. ***

คำสำคัญและคำย่อ

องค์การบริหารส่วนตำบล

อบต. องค์การบริหารส่วนตำบล

ส.อบต. สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล

นายก อบต. นายกองค์บริหารส่วนตำบล

เทศบาล

ทต. เทศบาลตำบล

ทม. เทศบาลเมือง

ทน. เทศบาลนคร

ส.ทต. สมาชิกสภาเทศบาลตำบล

ส.ทม. สมาชิกสภาเทศบาลเมือง

ส.ทน. สมาชิกสภาเทศบาลนคร

นายก ทต. นายกเทศมนตรีตำบล

นายก ทม. นายกเทศมนตรีเมือง

นายก ทน. นายกเทศมนตรีนคร

องค์การบริหารส่วนจังหวัด

อบจ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด

ส.อบจ. สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด

นายก อบจ. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

เมืองพัทยา

สม. สมาชิกสภาเมืองพัทยา

นายกเมืองพัทยา นายกเมืองพัทยา

กรุงเทพมหานคร

สก. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร

ผู้ว่า กทม. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ขอบคุณที่มา : คู่มือประชาชน เลือกตั้ง อบจ.

By. https://mwinthailand.com

ศึกชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.ระยอง) มีผู้สมัครทั้งสิ้น 3 ราย

ศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง(อบจ.) และนายกองค์บริหารส่วนจังหวัดระยอง(อบจ. ระยอง) ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง(ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง(อบจ.) โดยมีผู้สมัครทั้งสิ้น 3 ราย คือ นายปิยะ ปิตุเตชะ อดีตนายก อบจ.ระยอง นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า และนายเกรียงไกร กิ่งทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย พร้อมได้หมายเลขเรียบร้อยแล้วประกอบด้วย

หมายเลข 1 นายปิยะ ปิตุเตชะ
หมายเลข 2 นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์
หมายเลข 3 นายเกรียงไกร กิ่งทอง



โดยนายปิยะ ปิตุเตชะ ได้หมายเลข 1 นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ได้หมายเลข 2 ผู้สมัครทั้ง 2 คน ส่งลูกทีม ส.อบจ.ลงครบทุกเขตทั้ง 8 อำเภอ รวม 30 เขตเลือกตั้ง ส่วนนายเกรียงไกร กิ่งทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยสนับสนุน ได้หมายเลข 3 เบื้องต้นส่งผู้สมัครลง 17 เขตเลือกตั้ง

นายปิยะ ปิตุเตชะ อดีตนายก อบจ.ระยอง ผู้สมัครหมายเลข 1 กล่าวว่า ผลงานที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ สามารถพัฒนาจังหวัดระยองตามที่รับปากไว้ จึงขอโอกาสคนระยอง เพื่อสานงานต่อที่ค้างคาอยู่โดยขอให้เลือกยกทั้งทีม ขณะที่นางสว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวว่า พร้อมที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น เช่น ด้านการศึกษา จะยกระดับการศึกษาแบบ 1 โรงเรียน 1 อำเภอแห่งอนาคต โดยเฉพาะการใช้เงินงบประมาณจะต้องคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน กระจายความเจริญไปในทุกพื้นที่ ด้านนายเกรียงไกร กิ่งทอง ผู้สมัครหมายเลข 3 กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะพัฒนาจังหวัดระยอง จึงอยากจะขอโอกาสได้พิสูจน์ฝีมือในการดำเนินนโยบายพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของคนระยองให้ดีขึ้นต่อไป

สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้ มีกำหนดการในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 นี้

ทีมข่าว : The Lighter Thailand

นายก”ช้าง”อ้อนคนระยอง ขอโอกาสนั่งนายก อบจ.ระยอง

นายก”ช้าง”อ้อนคนระยอง ขอโอกาสนั่งนายก อบจ.ระยอง อีกสมัย เพื่อสานงานเดิมที่ค้างคาให้แล้วเสร็จ เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.) อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ปิตุเตชะ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สมัยวิสามัญ สมัยที่ 4 ประจำปี 2563 มีคณะผู้บริหาร และ ส.อบจ.ระยอง เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ การประชุมสภา อบจ.ระยอง ดังกล่าว เป็นการประชุมนัดสุดท้ายก่อนที่คณะผู้บริหาร และ ส.อบจ.ระยอง จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลัง กกต.ได้ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.อบจ.และนายก อบจ.ปลายปีนี้

นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง หรือนายก”ช้าง” พร้อมด้วย รองนายก อบจ.และ ส.อบจ.ได้เปิดแถลงผลงานว่า

ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.พยายามที่จะเปลี่ยนและพัฒนาจังหวัด ซึ่งก็ทำได้ตามที่รับปากไว้ เช่น ด้านการศึกษา ได้ให้ความสำคัญกำหนดเป็นนโยบายลำดับแรกในการพัฒนา โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ การตั้งโรงเรียนในสังกัด อบจ.ระยอง เพื่อรองรับจำนวนเด็กนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น การบริหารจัดการขยะ มีศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยที่ครบวงจร ปัจจุบันกำลังจะมีต้นแบบของโรงผลิตไฟฟ้าจากขยะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับงบประมาณในการปรับภูมิทัศน์ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ร.9 ซึ่งจะเป็นพื้นที่วิจัยและพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อพัฒนาอาชีพให้แก่ชาวจังหวัดระยอง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย

นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวต่อว่า

ตามที่ กตต.ได้กำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นปลายปีนี้ ทำให้ตนและ ส.อบจ.ทุกคนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีนั้น แต่ยังมีงานที่ยังค้างอยู่ เช่น โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลและศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โครงการพัฒนาศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยที่ครบวงจร และโครงการพัฒนาศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ เรื่องการศึกษาจบไปแล้วมีงานทำ เป็นต้น ผมและคณะผู้บริหาร จึงวอนขอโอกาส ขออาสาพี่น้องประชาชนได้เข้ามาทำงานสานต่องานที่ยังค้างคาอยู่ต่อให้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญกับพี่น้องประชาชนอย่างมาก.

ภาพ/ข่าว : The Lighter Thailand