ข่าว

กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ร่วมกับ เทศบาลนครระยองจัดการแข่งขันฟุตบอล PTT Group Cup 2023

กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ร่วมกับ เทศบาลนครระยอง ดำเนินการจัดการแข่งขันโครงการฟุตบอล PTT Group Cup 2023 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายวิชิต ศรีชลา นายกเทศมนตรีนครระยอง และ นายสรไนย เลิศอักษร ประธานกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมกลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดระยอง และ คณะผู้บริหาร กลุ่ม ปตท. เข้าร่วมพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน PTT GROUP CUP 2023 ครั้งที่ 25 ในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 – 12.00 น.

ณ ห้องประชุมจันทน์เทศ อาคารทับทิมสยาม โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง จังหวัดระยอง โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน PTT Group Cup คือมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ การสร้างโอกาสด้านกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนในจังหวัดระยอง เป็นเวทีให้นักฟุตบอลเยาวชนได้แสดงศักยภาพ และเป็นเส้นทางเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลระดับอาชีพ โดยในปี 2566 นี้ ดำเนินการจัดการแข่งขันจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี และรุ่นอายุ ไม่เกิน 12 ปี ชิงถ้วยพระราชทานฯ และเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 600,000 บาท

สุดท้ายนี้ กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแข่งขันนี้จะทำให้เยาวชนมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รวมถึงจะได้พัฒนาทักษะทางด้านกีฬาฟุตบอลอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ในอนาคต

ระยอง เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์เอเชีย

จ.ระยอง เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์เอเชีย 2023 มีนักปั่นน่องเหล็กจาก 27 ชาติ เข้าร่วมการแข่งขัน โดยเป็นการเก็บคะแนนสะสมเพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 มิ.ย.ที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการแข่งขันและปล่อยนักปั่นน่องเหล็กรายการจักรยานประเภทถนน ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ครั้งที่ 42,การแข่งขันจักรยานประเภทถนนเยาวชน ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 29 และการแข่งขันจักรยานคนพิการ ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 11 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 มิ.ย.นี้ มี มร.ออนก้า ซิงค์ เลขาธิการสหพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียนและนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง พลเอกสุวิทย์ มหาศักดิ์สุนทร อุปนายกสมาคมกีฬาคนพิการไทย นายสุเมธ มุกดาพิทักษ์ ผู้แทนสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และนายสกนธ์ กรกฎ นอภ.ปลวกแดง ร่วมพิธีเปิดและปล่อยตัวนักปั่นน่องเหล็กฯ

ทั้งนี้ ทางสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดระยอง และ อบจ.ระยอง ได้รับเกียรติจากสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งจักรยานดังกล่าวขึ้น โดยมีชาติจากทวีปเอเชียเข้าร่วมการแข่งขัน 27 ชาติ ทั้งชายและหญิง ในรุ่นประชาชน,รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี,รุ่นเยาวชน และนักกีฬาจักรายนคนพิการ ทั้งมีเจ้าหน้าที่ประจำทีม และคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ เข้าร่วมกว่า 700 คน โดยการแข่งขันดังกล่าว เป็นการเก็บคะแนนสะสมเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024อีกด้วย..

วฐิต กลางนอก ภาพ/ข่าว

 

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดตัวคณะอนุกรรมการชุดใหม่การค้าไทยจีน

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดตัวคณะอนุกรรมการชุดใหม่การค้าไทยจีน พร้อมเดินหน้าเชื่อมสัมพันธ์ เตรียมรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ TSC Trade ชุดใหม่ โดยมี นายเชาว์ชัย เจียมวิจิตร เป็นประธานอนุกรรมการ นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ และนางสาวพรทิพย์ สุวรรณ์ เป็นรองประธาน และกรรมการจากธุรกิจหลายภาคส่วน พร้อมที่จะนำทัพคืบการเชื่อมโยงการลงทุนการค้าไทยจีนอย่างเต็มสูบ โดยทางคณะอนุกรรมTSC Trade ได้จัดการประชุมสามัญร่วมกัน ครั้งที่ 1 และจัดเลี้ยงต้อนรับคณะอนุกรรมการชุดใหม่ โดยได้รับเกียรติจากคุณจาง เซี่ยเซี่ย (Ms. Zhang Xiaoxiao) อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้าสถานทูตจีน (Counselor, Economic and Commercial Office of Chinese Embassy) มาร่วมงาน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องสินธูนาวี 3 ราชนาวีสโมสร

          นายเชาว์ชัย เจียมวิจิตร ประธานคณะคณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศจีนกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันตก (GO West Policy) เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างภาคตะวันออกที่มั่งคั่งกับภาคตะวันตกที่ยากจน และมีจุดมุ่งหมายที่จะเชื่อมโยงจีนกับภูมิภาคอาเซียน โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างไทยและจีนเป็นจุดเริ่มต้น และได้กำหนดให้มหานครฉงเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงภาคกลางกับภาคตะวันตกของจีน และให้มณฑลยูนานเป็นเมืองหน้าด่านของจีนภาคตะวันตกที่จะให้มุ่งหน้าลงใต้เชื่อมโยงกับไทย นอกจากนี้ยังมีมณฑลเสฉวนและเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี ซึ่งเป็นมณฑลที่โดดเด่นและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สนใจร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยในการเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วย จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของไทยที่จะสร้างความร่วมมือกับจีนในหลากหลายมิติ เช่น เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา และโลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งคณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการทำงานเพื่อจะเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูล ปัญหา อุปสรรคทางการค้า การลงทุน และด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศ และเชื่อมโยง ส่งเสริมการค้าระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะจีนตอนใต้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ“คณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและค้าข้ามแดนด้านจีนตอนใต้ชุดใหม่นี้ จะมาจากหลายภาคส่วนธุรกิจ ทั้งด้านอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน การศึกษา การท่องเที่ยว รวมถึงภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งนอกจากตัวผมที่เป็นประธานของคณะอนุกรรมการชุดนี้ ก็ยังมีนักธุรกิจคนสำคัญ และที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายจากหลายภาคส่วน ที่จะเข้ามาร่วมกันทำงาน ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าด้วยชื่อเสียง และประสบการณ์ด้านธุรกิจของคณะกรรมการแต่ละท่านในชุดนี้ จะทำให้เราสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคธุรกิจของไทย”

ทางด้าน ดร.กิริฎา เภาพิจิตร สถาบัน TDRI และเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ของคณะอนุกรรมการชุดนี้ ได้ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยและประเทศจีนมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกันอย่างสูงทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับสองของไทยรองจากสหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีนเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นชิ้นส่วนและวัตถุดิบ ในปีนี้เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากการล็อกดาวน์ประเทศ เนื่องจากโควิด-19 การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปีนี้ประมาณการว่าอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งสูงที่สุดในหมู่เศรษฐกิจใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป หรือญี่ปุ่น ซึ่งปีนี้ชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยในประเทศจีนก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆในโลก ทำให้กำลังซื้อของประชาชนจีนเพิ่มขึ้นในปีนี้ เพราะฉะนั้นโอกาสทางธุรกิจระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนยังมีอีกมาก และมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตในเรื่องของการค้า ทั้งสินค้าและบริการ การลงทุนในประเทศไทย และการท่องเที่ยวของคนจีนในประเทศไทย

           นายฉัตรชัย เล่งอี้ อนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า แผนงานที่คณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ จะขับเคลื่อนในเบื้องต้นนี้ จะเน้นการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารการตลาด เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างไทยและจีน ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ เพื่อเน้นการสื่อสารให้ประชาชนได้รู้จักการค้า การลงทุนระหว่างไทยและจีนเพิ่มมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชาชนของแต่ละประเทศให้ความนิยม เช่น WeChat โต่วอิน เสี่ยวหงซู เวยป๋อ และโถวเถี่ยว ของจีน ในขณะที่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะใช้สื่อสารกับคนไทย คือ YouTube และ TikTok เป็นหลัก ร่วมกับการจัดทำเว็บไชต์ 3 ภาษา คือ www.thai-southchina.com

ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 คว้าถ้วยรางวัลเกียติยศ ของผู้ว่าฯระยอง

ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 คว้าถ้วยรางวัลเกียติยศ ของผู้ว่าฯระยอง

กิจกรรมฟุตบอล “ทำดีเพื่อแผ่นดิน” รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก

วันที่ 31 พ.ค. 2566 สมาคมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ หนังสือพิมพ์ไทยรวมพลัง จัดกิจกรรมฟุตบอลกระชับมิตรรณรงค์ทำดีเพื่อแผ่นดิน ปีที่ 6 ในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อเป็นส่งเสริมเยาวชนและประชาชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สร้างความตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่และยาเสพติด ซึ่ง มีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร

โดยมีทีมร่วมแข่งขัน จาก สาธารณสุขจังหวัดระยอง(สสจ.) ทีมโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (MTP 3) ทีมบริษัทโครเวสโต ทีมบริษัทซีอาร์ 3 ทีมวีไอพี ชากกอไผ่ ทีมสื่อมวลชนจังหวัดระยอง

สำหรับทีมที่คว้าถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ได้แก่ ทีมจาก “โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ ที่ 3 (ประกอบด้วย สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร) บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (GMTP) และบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) ) ซึ่งส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมร่วมรณรงค์และต่อต้านยาเสพติดและพัฒนาสุขภาพประชาชนร่วมกับโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง

ผลการแข่งขัน ทีมโครเวสโต คว้าถ้วยรางวัลชนะเลิศที่ 1 ไปครอง ทีมสาธารณสุขจังหวัดระยอง (สสจ.) ได้ชนะเลิศอันดับที่ 2 และ ถ้วยรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้ครองถ้วยรางวัลร่วมกัน คือ ทีมสื่อมวลชน และทีมโครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รางวัลนักแตะมารยาทดีมีน้ำใจ มาจากทีมท่าเรือเฟส 3 คือ นายสดุดี สุจริต ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง MTP 3 ได้รับไป และ สำหรับผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมนักแตะจาก สสจ. และ ถ้วยรางวัลกองเชียร์ดีเด่น ได้แก่ ทีมจาก โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 บรรยากาศการแข่งขันสนุกสนานเร้าใจมากมาก กองเชียร์เชียร์กันเสียงแหบเสียงแห้งและต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้ายมีการยิงลูกโทษกันด้วย ซึ่งวันนี้มีประชาชนและเยาวชนให้ความสนใจจำนวนมาก กล่าวได้ว่าโครงการนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดความประทับใจแก่ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯเกิดการสานสัมพันธ์กระชับมิตรระหว่างหน่วยงานภาคส่วนต่างๆมีบริษัทโรงงานเอกชนที่ร่วมสนับสนุนจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกปี และยินดีในการที่จะรวมพลังกันรณรงค์ให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากยาเสพติดต่อไป ร่วมกันทำดีเพื่อแผ่นดินร่วมกันโดยใช้การกีฬาเป็นสื่อกิจกรรมในการรณรงค์ ด้านสมาคมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ หนังสือพิมพ์ไทยรวมพลัง ได้กล่าวขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และผู้บริหารจาก กนอ. สทร. และหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนถ้วยรางวัลและการจัดกิจกรรมจำนวนหลายองค์กรฯ รวมทั้งทีมนักแตะที่ร่วมแข่งขันและประชาชนที่ร่วมกิจกรรมทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยและปีหน้าเราจะมาพบกันใหม่ ต่อไป…

ระยอง จัดประกวดมิสซิสแลนด์สเคป ไทยแลนด์ 2023 (MRS.LANDSCAPES Thailand 2023)

จ.ระยอง จัดประกวดมิสซิสแลนด์สเคป ไทยแลนด์ 2023 (MRS.LANDSCAPES Thailand 2023) มุ่งกระตุ้นทุกภาคส่วนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 พ.ค.66 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่าระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมการประกวดมิสซิสแลนด์สเคป ไทยแลนด์ 2023 (MRS.LANDSCAPES Thailand 2023) มีนายมนตรี ชนะชัยวิบูลวัฒน์ ที่ปรึกษานายก อบจ.ระยอง นายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.สนง.ระยอง นางกัญญ์ชลา สุขิตรกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง นายกิตติพงษ์ สิปิยารักษ์ ผจก.ทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าระยอง และนางนันท์นภัส ไกรวุฒิภัคพงศ์ เจ้าของเวทีกองประกวดฯ

 

ทั้งนี้เวทีประกวดดังกล่าวจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อให้เป็นเวทีที่มุ่งให้ผู้เข้าประกวดรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม และเป็นเวทีสะท้อนและสร้างความตระหนักเรื่องของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของผู้เข้าประกวด รวมทั้งเพื่อให้ผู้เข้าประกวดได้มีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว สินค้าเด่นของจังหวัดผู้เข้าประกวดเองให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอีกด้วย โดยการประกวดดังกล่าวผู้ประกวดเป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป โสดหรือไม่โสด และมีครอบครัวก็สามารถประกวดได้ โดยมีสาวงามจาก 77 จังหวัด เข้าร่วมประกวด โดยเวทีประกวดที่จังหวัดระยอง เป็นรอบสุดท้ายมีสาวงามเข้าร่วมประกวด 14 คน ก่อนตัดเหลือ 10 คน และได้ผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 ต่อไป..

P&G จับมือ GC ส่งมอบบ้านจากวัสดุรีไซเคิล “Upcycling Plastic House” เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม พร้อมผนึกพันธมิตร Sansiri, Lotus’s และ Habitat Group สานต่อวิสัยทัศน์ความยั่งยืน

 

 

P&G จับมือ GC ส่งมอบบ้านจากวัสดุรีไซเคิล “Upcycling Plastic House” เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม พร้อมผนึกพันธมิตร Sansiri, Lotus’s และ Habitat Group สานต่อวิสัยทัศน์ความยั่งยืน

“P&G จับมือ GC พร้อมผนึกพันธมิตร Sansiri, Lotus’s และ Habitat Group ร่วมกันบริหารจัดการและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้วในโครงการ “Upcycling Plastic House เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม” ผ่านการประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้ประชาชนนำขวดแชมพูพลาสติกและถุงแชมพูชนิดเติมที่ใช้แล้วมาหย่อนที่ตู้รับบริจาคที่โลตัส 35 สาขา เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ผ่าน ‘YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบ้านจากวัสดุรีไซเคิล พร้อมส่งมอบให้กับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ ภายใต้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย มีนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหาร

 

จาก ‘บริโภคและกำจัด’ สู่ ‘การบริโภคและรวบรวมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่’ ผ่าน YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม

ไม่ใช่แค่เป้าหมายของบริษัทฯ ใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นการจับมือร่วมกันของบริษัทชั้นนำในประเทศไทย อันได้แก่ ได้แก่ พีแอนด์จีประเทศไทย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย และ มูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย ที่ตั้งใจร่วมกันแก้ไขปัญหาพลาสติกใช้แล้ว ด้วยการคืนชีวิตพลาสติกที่ถูกทิ้งผ่านกระบวนการ Upcycling เพื่อสร้างเป็นบ้านที่อยู่อาศัย

 

นายนิทิน ดาร์บารี- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พีแอนด์จีประเทศไทย กล่าวถึงการริเริ่มโครงการฯ ว่า “ตามเป้าหมายของ P&G Ambition 2030 ที่มุ่งหวังสร้างคุณค่าให้กับบริษัทฯ ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน อันได้แก่ แบรนด์ สังคม และ พนักงาน ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Ambition) ในปี 2583 โดยจะครอบคลุมถึงการปล่อยมลพิษตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของเราทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน

P&G ประเทศไทยได้ดำเนินงานตามระบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยมีรูปแบบธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนสินค้าบรรจุหีบห่อสําหรับผู้บริโภคจาก ‘บริโภคและกําจัด’ เป็น ‘บริโภคและรวบรวม หรือเก็บมาใช้ใหม่’ โดยมีเป้าหมายคือ ลดพลาสติกปิโตรเลียมบริสุทธิ์ 50% ในปี 2573 คํานึงถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยวัสดุหมุนเวียน หรือ การรีไซเคิลที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังเช่น แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของเราที่ตั้งเป้าจะใช้พลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อย 4,000 ตันและมี PCR สูงถึง 25% ในขวดแชมพูและครีมนวดผม”

นายอาร์ปัน กุปตะ กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์จีประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ Upcycling Plastic House ที่เราสร้างขึ้นนั้นมาจากแนวคิดที่ว่า เราต้องการสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่าแก่ชุมชนและสังคม ซึ่งวันคนพิการสากล ที่ผ่านมา เราบริจาค “Upcycling Plastic House” โดยร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรในอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมา Upcycling Plastic House ได้ถูกใช้เป็นศูนย์พักคอย สำหรับผู้พิการ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด นอกจากนี้ P&G ยังนําร่อง โครงการ Upcycling Sachet เพื่ออัพไซเคิลซองบรรจุภัณฑ์ซองลามิเนต โดยเราได้ร่วมงานกับภาคีต่างๆ และอัพไซเคิลไปเป็นบานประตู ซึ่งในอดีตวัสดุเหล่านี้ไม่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ แต่ปัจจุบันเราได้เพิ่มมูลค่าลงไปในผลิตภัณฑ์ แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่เป็นก้าวสำคัญ ของการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน”

ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืนองค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “GC ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดความยั่งยืนที่คำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะของบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับสากลที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต บริษัทฯ ได้ยกระดับการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593

สำหรับบทบาทในฐานะพันธมิตรของโครงการนี้ GC ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรของบริษัทฯ ใช้องค์ความรู้และนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์จากกระบวนการอัพไซคลิง (Upcycling) ที่นำวัสดุเหลือใช้ มาผลิตเป็นชิ้นงานใหม่ ซึ่งใช้เป็นองค์ประกอบหลักของบ้าน 3 ส่วน ได้แก่ หลังคาและผนังบ้าน (Eco Roof and Eco Board) ซึ่งทำจากกล่องนมและถุงแชมพูชนิดเติม (Multilayers Laminated) วงกบ หน้าต่าง และประตู (Wood Plastic Composite) ทำจากฟิล์มพลาสติกใช้แล้ว ประเภท PE ผสมผงไม้ และ พื้นและผนังบ้าน (Eco Bricks) ผลิตจากขวดพลาสติกขุ่นใช้แล้ว (HDPE Bottles) ผสมกับปูนซีเมนต์ ทำให้มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดี ไม่ต่างจากอิฐหรือบล็อกปูถนนปกติที่ใช้กันในปัจจุบัน เทียบเท่ามาตรฐาน มอก.

โดยวัสดุเหลือใช้ทั้งหมดนี้ ผ่านการจัดเก็บและคัดแยกจาก “YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม” ที่จัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างครบวงจร ตั้งแต่วิธีการคัดแยก จัดเก็บ ขนส่ง ไปจนถึงการนำไปรีไซเคิล อัพไซเคิลอย่างครบวงจร หรือที่เรียกว่า End-to-End Waste Management จากความร่วมมือในโครงการนี้ นอกจากช่วยลดปัญหาพลาสติกในสิ่งแวดล้อม ยังสร้างประโยชน์ต่อสังคม นำไปสู่การสร้างเพิ่มมูลค่าให้กับพลาสติกใช้แล้วได้กว่า 2,000 กิโลกรัม ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 2,200 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

โครงการ ‘Upcycling Plastic House เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม’ ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ได้แก่ โลตัส ที่รับหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางระหว่างผู้ประกอบการและชุมชน โดยเป็นจุดรับบริจาครวบรวมขวดแชมพูพลาสติและแชมพูถุงเติม นายพงศธร ปานประสงค์ ผู้อำนวยการสินค้าอุปโภค โลตัส กล่าวว่า “โลตัส ดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ Vision 2030. Actions every day. ที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนจากการดำเนินงานในทุก ๆ วัน เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ภายในปี 2573 ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular economy เป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญ โดยโลตัส มีเป้าหมายในการลดปริมาณของเสียที่นําไปฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 และใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนสำหรับสินค้าแบรนด์โลตัส ภายในปี 2568 โดยปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ทุกชิ้นของสินค้าแบรนด์ของโลตัสประเภทอาหารและสินค้าอุปโภคใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ 100% แล้ว

นอกจากนี้ ภายใต้แผนงานด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โลตัส มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าและประชาชนสามารถแยกและรีไซเคิลขยะได้อย่างสะดวกผ่านสาขาของโลตัส โดยตั้งแต่เริ่มดำเนินงานตั้งจุดรับขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล โลตัส สามารถรวบรวมขวดพลาสติกและกระป๋องอะลูมิเนียมได้แล้วเกือบ 3 ล้านขวด พลาสติกยืดกว่า 1.5 ล้านกิโลกรัม และกล่องและลังกระดาษกว่า 157 ล้านกิโลกรัม เพื่อนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด การร่วมมือกับ P&G และพันธมิตรจากองค์กรอื่น ๆ ในโครงการ Upcycling Plastic House เป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดการทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการสร้างระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ เพื่อเก็บรวมรวมบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบและนำไปรีไซเคิล นอกจากมิติทางสิ่งแวดล้อมแล้ว โครงการนี้ยังสร้างประโยชน์ทางสังคมให้กลุ่มเปราะบาง ในการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกมา upcycle เป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย โลตัส มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ด้วยการจัดสรรพื้นที่ในโลตัส 35 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าและประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนกลุ่มเปราะบางในสังคม”

การคืนชีวิตพลาสติกสู่การออกแบบและสร้างที่อยู่อาศัย ‘Upcycling Plastic House ’ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม

นางสาวชลีรัตน์ ต่อจรัส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงบทบาทของแสนสิริในฐานะผู้ออกแบบบ้าน Upcycling Plastic House และความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) โดยมีเจตนารมณ์ในการสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เราวางเป้าหมายสูงสุดในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2593 โดยโครงการ ‘Upcycling Plastic Houseเพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม’ สอดคล้องกับพันธกิจ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนและใช้ทรัพยากรได้อย่างรู้คุณค่า ภายใต้คำมั่นสัญญา “Sansiri Sustainability: Everyday Better” ที่จะพัฒนาทุกสิ่งให้ดีขึ้นในทุกวัน เพื่อชีวิตดี ๆ ของทุกคน พร้อมกับต่อยอดโครงการ “waste to WORTH: แยกขยะให้เกิดประโยชน์” เพื่อปลูกฝังเรื่องการจัดการขยะ ส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ แสนสิริได้นำความเชี่ยวชาญในด้านดีไซน์ มาออกแบบ Upcycling Plastic House ผ่านการคำนึงถึงการอยู่อาศัยและใช้งานจริง โดยนำหลักการออกแบบด้าน Universal Design ให้บ้านอยู่สบายปลอดภัยสำหรับเป็นศูนย์พักคอยสำหรับทุกคนทุกเพศทุกวัย รวมทั้งให้ความสำคัญกับ Natural Ventilation ให้บ้านสามารถถ่ายเทอากาศได้สะดวก มีช่องทางลมเข้า-ลมออกได้ และเน้นความโปร่ง ไม่แออัด ช่วยลดการใช้พลังงาน มีการจัดวางและแบ่งสัดส่วนห้องให้เหมาะ รองรับการอยู่อาศัยสำหรับ 2 ท่าน โดยในการออกแบบครั้งนี้ เรายังมองไกลถึงการออกแบบดีไซน์แบบยืดหยุ่น ที่ทำ¬ให้สามารถต่อยอดในโครงการ Upcycling Plastic House ในทำเลอื่น ๆ หรือโครงการต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย”

นายอวิรุทธ์ โชตินันทเศรษฐ์ ประธานกรรมการ มูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย กล่าวถึง ความร่วมมือในโครงการ และการก่อสร้างว่า “Habitat for Humanity Thailand หรือ มูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับใช้คนไทยมายาวนานกว่า 20 ปี เรามีวิสัยทัศน์ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวไทย ผ่านการร่วมซ่อมสร้างที่อยู่อาศัย และการร่วมพัฒนาชุมชนให้มีความยั่งยืน ตามหลักการของระดับนานาชาติเรื่อง SDGs

ในวันนี้ Habitat รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาคีในการพัฒนาวัสดุก่อสร้าง การปลูกฝัง เพื่อให้เกิดคุณค่าจากการพัฒนาขยะเหลือใช้ ในโครงการ Upcycling house เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม โดยทาง Habitat ได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการสร้างบ้านเพื่อสนับสนุนคนพิการ ภายใต้การดูแลของสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ ซึ่งมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมูลนิธิเป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นจากเรื่องเล็กที่ไม่เล็ก คือการแยกขยะ และการนำขยะเหลือใช้เหล่านั้นเช่น Plastic Waste มาใช้ประโยชน์ในการเป็นวัสดุเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างน่าประทับใจ”

ทั้งนี้ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจาก นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน

นายอนุกูล กล่าวว่า “กระทรวง พม. ต้องขอขอบคุณทุกภาคีเครือข่ายทั้ง P&G Thailand GC Sansiri Lotus’s และ Habitat ที่จัดทำโครงการ Upcycling Plastic House เพื่อความยั่งยืนและเท่าเทียม ซึ่งในปีนี้สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลจัดหาผู้อยู่อาศัย จากความมุ่งมั่นตั้งใจของหน่วยงานชั้นนำในประเทศไทย ในการคืนชีวิตให้พลาสติกด้วยการนำกลับมาสร้างสิ่งใหม่นอกจากจะช่วยลดปัญหาพลาสติกในสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่กลายเป็นที่พักอาศัยที่มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสมกับการอยู่อาศัย โดยที่ผ่านมาบ้าน Upcycling Plastic House ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ต่อชุมชนและสังคม อาทิ การทำเป็นศูนย์พักคอยสำหรับผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วงที่ผ่านมา เป็นต้น ซึ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่องให้กับการคัดแยกพลาสติก กลายเป็นแนวทางการบริโภคและรวบรวมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ สร้างสรรค์วัสดุใหม่ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนกลุ่มเปราะบางขยายผลไปยังสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ”ต่อไป

กล้วยทอดเทวดา – ข้าวเม่าเทวดา (สูตรแม่พลอย)   แบรนด์ดังระดับประเทศ ย้ายมาเปิดในเมืองระยองแล้ว

ข่าวดี !!! กล้วยทอดเทวดา – ข้าวเม่าเทวดา (สูตรแม่พลอย)

แบรนด์ดังระดับประเทศ ย้ายมาเปิดในเมืองระยองแล้ว (เปิด 3 พ.ค. 66)

กล้วยทอดเทวดา (สูตรแม่พลอย) เจ้าของแบรนด์ดังระดับประเทศ โด่งดังด้วยสูตรพิเศษความอร่อยไม่เหมือนใคร “ กรอบนาน หอมกรุ่น อร่อยจนหยุดไม่ได้ “ การันตี โดยการออกรายการทีวี ช่อง 8 ปากท้องต้องรู้ ข่าวไทรรัฐทีวี ช่อง Ture 4 U และ คมชัดลึก เป็นต้น เมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมาได้เปิดสาขากรอกยายชา จ.ระยอง เสียงตอบรับดีมาก ลูกค้าแฟนคลับจำนวนมากติดตาม วันนี้ได้ย้ายร้านจากกรอกยายชา มาอยู่ในเมืองบนถนนสุขุมวิทหากมาจากทางโรงพยาบาลระยองตรงมาเจอสามแยกปากน้ำให้ชิดซ้ายตรงไปอีก 300 กว่าเมตรสังเกตด้านซ้ายมือตึกอาคาร 3 ชั้น ติดกับ 7-11 พบร้านกล้วยทอดเทวดา โดย แม่พลอย เจ้าของสูตร และ เจ้าของแฟรนด์ไชส์ มาทอดด้วยตนเอง ต้นตำรับตัวจริงเสียงจริง พัฒนาสูตรมากว่า 35 ปี

 

ข่าวดีและเป็นโอกาสดีของคนระยอง ที่จะได้ชิมของอร่อยขึ้นชื่อ ทั้งกล้วยทอดเทวดา ข้าวเม่าหลากไส้ เช่น ไส้กล้วย ไส้ทุเรียน ไส้ สัปปะรด ไส้ทองหยอด ไส้ฝอยทอง ฯลฯ ยังมี กล้วยปิ้งเทวดา กลอยทอด ฯลฯ ที่ผ่านมา 2 ปี คณะสื่อมวลชนได้ลิ้มรสกันถ้วนหน้า ยกนิ้วให้ และขนานนามว่าเป็น “ของอร่อยเมืองระยอง” ซึ่งมีแฟนคลับ และนักท่องเที่ยวมาแวะซื้อกันเป็นจำนวนมาก วันนี้ ย้ายร้านบุกมาอยู่ในเมืองระยองแล้ว เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ไม่ต้องเดินทางไกล และขยายกิจการสำหรับคนระยองและนักท่องเที่ยวที่มาเมืองระยอง ขอเชิญแวะชิมได้ หรือ ติดต่อสอบถาม สั่งจอง/ ซื้อสูตร หรือ แฟรนไชส์ ที่ แม่พลอย 081-372-4235 หรือ เพจ เฟสบุ๊ก

 

กล้วยทอดเทวดา แฟรนไชส์ (หมายเหตุ ของแท้ ต้อง (สูตรแม่พลอยเท่านั้น)

 

 

 

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ร่วมแบ่งปัน และส่งต่อ ของใช้ จากจุดเล็กๆในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ร่วมแบ่งปัน และส่งต่อ ของใช้ จากจุดเล็กๆในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

25 เมษายน 2566 – จากแนวคิดของผู้บริหารและพนักงานเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์การลดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จึงได้เกิดกิจกรรมร่วมส่งต่อและแบ่งปัน เสื้อผ้า หนังสือ ของใช้ต่างๆ ในงาน BLCP Market Place ซึ่งจัดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในการจัดงาน โดยจะจัดเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากพนักงานและผู้มาปฏิบัติงานเป็นอย่างดี ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่เกิดจากความตั้งใจของทุกฝ่ายอย่างแท้จริงในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นวิถีทางที่จะนำไปสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero ตามแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวคิด ESG (Environment (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม), Governance (ธรรมาภิบาล))

การจัดงานครั้งนี้ได้จัดขึ้น ณ ตลาดเคียงสวน ภายในพื้นที่โรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นการจัดงานภายในเฉพาะพนักงานและผู้ที่มาปฏิบัติงานเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้พนักงานได้มีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ผ่อนคลายจากการทำงาน และเสริมสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมและทำงานร่วมกันเสมือนครอบครัว ภายใต้แนวคิด Happy Work Place ภายในงานมีการเปิดร้านขายของโดยพนักงานและผู้ที่มาปฏิบัติงาน รวมถึงมีกิจกรรมจากชมรมต่างๆ เช่น ชมรมดนตรี ชมรมกีฬาต่างๆ เป็นต้น และเดือนนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษคือการรดน้ำขอพรผู้บริหารเนื่องในกิจกรรมสงกรานต์อีกด้วย

บีแอลซีพีมุ่งพัฒนาองค์กรสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อคนไทย เพื่อประเทศ เพื่อโลก อย่างยั่งยืน

 

BST ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC

BST ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC


เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา คุณชาตรี ชื่นชมสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด หรือ
BST เป็นผู้แทน เข้าร่วมงานสัมมนาเปิดตัวโครงการและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ของโครงการ
ขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC (Eastern Economic Corridor) เพื่อสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ
เพื่อระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ EEC ประจำปี
งบประมาณ 2566 และเตรียมความพร้อมในการชดเชยคาร์บอน และบริหารจัดการสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero emissions ) ระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยองค์กรอุตสาหกรรมนำร่องที่เข้าร่วมโครงการปี 2566 จำนวน 12 องค์กร ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
#BST #NetZeroEEC

THE LIGHTER THAILAND

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ผนึกกำลังภาคีชุมชนชายฝั่ง 3 จังหวัดภาคตะวันออก สร้างจิตสำนึก รักษ์ป่าชายเลน

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ผนึกกำลังภาคีชุมชนชายฝั่ง 3 จังหวัดภาคตะวันออก สร้างจิตสำนึก รักษ์ป่าชายเลน

21 เมษายน 2566 – บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หนึ่งในภาคีชุมชนชายฝั่ง เข้าร่วมงานและร่วมจัดบูธนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าและความร่วมมือการทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวคิด ESG (Environment (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม), Governance (ธรรมาภิบาล)) ในงานการประชุมโครงการประชุมเครือข่ายภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล(อสทล.)
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ ห้องสร้อยเพชร 2 โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง จ.ระยอง

โดยมีนางดาวรุ่ง ใจจริง ผอ.กองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน กรมทช. ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุม ร่วมด้วย นายณัฐ โก่งเกสร ผอ.ทสจ.ระยอง นายภุชงค์  สฤษฎีชัยกุล ผอ. สทช.1 หัวหน้าส่วนงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนท.อาสาสมัครพิทักษ์ทะเลจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด เข้าร่วมโครงการ 150 คน จัดโดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1

THE LIGHTER THAILAND